ราษฎร ออกแถลงการณ์ รำลึกครบรอบหนึ่งปีเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้าน รบ.ประยุทธ์ พร้อมนัดชุมนุม 31 ต.ค. นี้ กลุ่ม ราษฎร ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก แถลงการณ์ครบรอบหนึ่งปี กลุ่มราษฎรออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม โดยข้อความระบุว่า
“เนื่องในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 นอกจากจะเป็นวันครบรอบ 48 ปี
วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 แล้ว ยังเป็นวันครบรอบ 1 ปี การชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร 2563 ที่ราษฎรนับแสนชีวิตได้ร่วมเคลื่อนพลจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังทำเนียบรัฐบาล และด้วยกำลังจากราษฎรทุกคน จึงทำให้สามารถล้อมทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคจากเจ้าหน้าที่รัฐ และยัดเยียดข้อหาให้
การชุมนุมเป็นไปด้วยความสันติด ปราศจากอาวุธ ราษฎรตั้งใจที่จะปักหลักชุมนุมค้างคืนเพื่อกดดันให้ผู้มีอำนาจทำตามข้อเรียกร้อง แต่สิ่งที่ได้คือการใช้กำลังเข้าจับกุมและสลายการชุมนุมในเช้ามืดวันที่ 15 ตุลาคม ทำให้เพื่อนหลายคนถูกจับ และพี่น้องราษฎรที่เดินทางจากภูมิลำเนาตน ตกค้าง ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้
การชุมนุมต่อเนื่องหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ยกระดับความรุนแรงในการสายการชุมนุม เช่น การใช้รถฉีดน้ำผสมสารระคายเคืองที่แยกปทุมวัน จนถึงการใช้กระสุนยางยิงผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง และยังยกระดับความรุนแรงด้วยกฎหมาย จากการดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎหมายอาญา ม.116 และกฎหมายอาญา ม.112 เป็นจำนวนมาก ทำให้เพื่อนหลายคนถูกคุมขังและไม่ได้รับสิทธิประกันตัว
ราษฎรเสียใจ และขออภัยต่อพี่น้องราษฎรที่เข้ามาร่วมการชุมนุมในค่ำคืนนั้น ทุกท่านที่เราไม่สามารถอำนวยความสะดวกและดูแลท่านในวินาทีที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงเพื่อยุติการชุมนุมของพวกเรา จึงได้เปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมไปเป็นการชุมนุมรายวัน และได้เห้นพลังของพี่น้องราษฎร นับแสนที่ออกมาชุมนุมทุกวัน ทุกพื้นที่ นั่นคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ และเป็นสิ่งยืนยันว่า ประเทศนี้เป็นของราษฎรอย่างแท้จริง
โดยยังคงยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง
1.ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป
2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทุกหมวด ทุกมาตรา
3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
การเคลื่อนไหวของราษฎรยังคงดำเนินต่อไป และกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ และขอแสดงความนับถือต่อหัวใจพี่น้องราษฎรทุกคนที่ร่วมต่อสู้เคียงข้างกันตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอให้พี่น้องร่วมเดินทางกันต่อไป แม้หนทางสู่ประชาธิปไตยอาจไม่ราบรื่นนัก แต่หากร่วมมือกัน ฟ้าใหม่ย่อมมาถึงอย่างแน่นอน
สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของราษฎร ขอให้พี่น้องทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนัดหมายครั้งสำคัญ 31 ตุลาคมนี้”
โฆษก รบ. ปัด เปิดประเทศไทย เอาใจภาคเศรษฐกิจอย่างเดียว
โฆษกรัฐบาลปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า สาเหตุในการเลือก เปิดประเทศไทย นั้น ก็เพื่อหวังผลในภาคเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เห็นแก่ภาคประชาชน
เปิดประเทศไทย – โฆษกรัฐบาลปัด รัฐบาลเลือกภาคเศรษฐกิจมากกว่าปกป้องชีวิตประชาชน แจง เปิดประเทศเพื่อช่วยประชาชนสร้างความสมดุลพลิกโฉมประเทศ ชี้เป็นความสำเร็จจากการร่วมมือกันของคนไทย เหน็บ “ชลน่าน”เอาเวลาจ้องจับผิดรัฐบาลออกช่วยประชาชนดีกว่า อย่าทำเฉพาะตอนหาเสียง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ไทยเปิดประเทศบนความเสี่ยง ไร้มาตรการรองรับ แค่ขายผ้าเอาหน้ารอด หลังแผน 120 วันล้มเหลวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข เลือกปกป้องชีวิตประชาชนเป็นอันดับแรก และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม ทำให้วันนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน
ทั้งนี้ การเปิดประเทศก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาคการท่องเที่ยว การทำมาหากินของประชาชน การเดินทาง รวมถึงภาคธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่การเลือกภาคเศรษฐกิจมากกว่าที่จะปกป้องชีวิตประชาชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดหาวัคซีนให้ได้มากขึ้น ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ไทยจะมีวัคซีนมากกว่า 170 ล้านโดส ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่การฉีดวัคซีนวันนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ทำให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก
นายธนกร ได้กล่าวว่า “การเปิดประเทศในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการร่วมมือกันของคนไทย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือกันของคนไทยทุกคน เห็นได้จากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ได้ผลมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น การเปิดประเทศครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง สร้างรายได้ สร้างความสมดุลเพื่อพลิกโฉมประเทศ
ทั้งนี้ ผมเสียดายมากที่ นพ.ชลน่านเป็นถึงหมอ แต่กลับไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมอเลย แทนที่จะจ้องจับผิดรัฐบาล สู้เอาเวลาออกไปช่วยเหลือประชาชนทั่กำลังเดือดร้อนยังจะดีกว่า ไม่ใช่คิดจะช่วยเหลือประชาชนเฉพาะเวลาหาเสียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าในสายตาของ นพ.ชลน่านนั้นแค่ พล.อ.ประยุทธ์หายใจก็คงผิดแล้ว”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป